อย่าหาความจากคนที่ไม่มีสติสมบูรณ์ เพราะไร้ซึ่งประโยชน์ในการเจรจา
ประเภทสำนวน
"อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นถ้อยคำที่มีลักษณะเป็นคำสอนโดยตรง ให้ข้อคิดอย่างชัดเจนในการปฏิบัติต่อผู้อื่น มีความสมบูรณ์ในตัวเอง เข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องตีความมาก
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สุภาษิตนี้สอนให้คนไม่ถือสาหรือโกรธเคืองคนที่กำลังอยู่ในภาวะที่ไม่ปกติ เช่น คนบ้าที่มีอาการทางจิต หรือคนเมาที่ขาดสติเพราะฤทธิ์สุรา เนื่องจากคนที่อยู่ในสภาวะเช่นนั้นย่อมไม่ได้มีเจตนาร้าย หรือไม่สามารถควบคุมคำพูดและการกระทำของตนเองได้
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา" ในประโยค
- พี่ชายทะเลาะกับเพื่อนที่เมาจนคุมสติไม่ได้ แม่เลยบอกว่า อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดไม่ดีหรอก
- เขาฉุนเฉียวกับคำพูดของคนที่กำลังเครียดจัด เพื่อนๆ เลยเตือนว่า อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา ปล่อยให้เขาใจเย็นก่อนค่อยคุยกัน
- หัวหน้าสอนลูกน้องเสมอว่า อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา เพราะการโกรธตอบคนที่ไม่มีสติจะไม่ได้ประโยชน์อะไร
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี