อย่าหาเรื่องใส่ตัว การพูดหรือทำอะไรก้าวก่ายไปถึงผู้อื่นโดยมิบังควร ย่อมทำให้ตนได้รับความเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น
ประเภทสำนวน
"อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนโดยตรงที่มีความหมายชัดเจน และมีลักษณะเป็นคำเตือนที่แสดงข้อคิด มีลักษณะเป็นประโยคสมบูรณ์ที่เข้าใจได้ทันที ให้ข้อคิดเตือนใจในเรื่องการระมัดระวังไม่เข้าไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตนเอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการสังเกตธรรมชาติ การแกว่งเท้าไปมาในบริเวณที่มีเสี้ยนไม้หรือหนามอยู่ มีโอกาสที่เท้าจะถูกเสี้ยนหรือหนามทิ่มตำได้ เปรียบเหมือนการที่คนไปยุ่งกับเรื่องที่ไม่จำเป็นหรือไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง แล้วจบลงด้วยการนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง
ตัวอย่างการใช้สำนวน "อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน" ในประโยค
- เธออย่าไปวิจารณ์การทำงานของแผนกอื่นเลย อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน เดี๋ยวจะมีปัญหาตามมาเปล่าๆ
- คุณแม่เตือนลูกสาวว่า อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน อย่าไปยุ่งเรื่องทะเลาะกันของเพื่อน เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเข้าให้
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี