ประพฤติให้ถูกต้องตามกาลเทศะ เมื่อไปอยู่ในพวกเขาแล้ว ก็ต้องประพฤติคล้อยตามเขา
ประเภทสำนวน
"เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม" จัดว่าเป็น สุภาษิต เพราะว่า เป็นคำสอนหรือข้อคิดโดยตรงที่แนะนำวิธีปฏิบัติตนเมื่ออยู่ต่างถิ่น มีความชัดเจนในตัวเอง ไม่ต้องตีความเพิ่มเติม และให้ข้อคิดที่สมบูรณ์ในตัวเอง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้สอนให้รู้จักปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมหรือวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่เราไปอยู่ คำว่า 'ตาหลิ่ว' หมายถึง คนที่มีดวงตาเล็ก ชี้ไปทางสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์หรือลักษณะเฉพาะของคนในพื้นที่นั้น เมื่อเราไปอยู่ต่างถิ่น ควรสังเกตและปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่นนั้น เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างราบรื่น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม" ในประโยค
- เมื่อไปเที่ยวต่างประเทศ ต้องศึกษาวัฒนธรรมและข้อห้ามต่างๆ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม จะได้ไม่ทำผิดธรรมเนียมของเขา
- การเข้าทำงานในบริษัทใหม่ ก็ควรดูว่าวัฒนธรรมองค์กรเขาเป็นอย่างไร เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม จึงจะอยู่ได้อย่างมีความสุข
- น้องใหม่ต้องปรับตัวให้เข้ากับระบบรุ่นพี่ เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม จึงจะไม่มีปัญหา
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี