เติมเชื้อเพลิง เช่น คอยเอาฟืนใส่ไฟไว้นะ อย่าให้ไฟดับ; จุดไฟเผาศพ; โดยปริยายหมายถึงให้ร้ายผู้อื่นทำให้ได้รับความเสียหาย เช่น เขาใส่ไฟผม อย่าไปเชื่อ.
ประเภทสำนวน
"ใส่ไฟ" จัดว่าเป็น สำนวนไทย เพราะว่า เป็นคำหรือวลีเฉพาะที่ไม่สามารถแปลความหมายตรงตัวได้ ต้องตีความเป็นนัยเฉพาะ คำว่า 'ใส่ไฟ' ไม่ได้หมายถึงการนำไฟไปใส่จริงๆ แต่มีความหมายเฉพาะในการยุยงหรือกระตุ้น
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
สำนวนนี้มาจากการเปรียบเทียบกับการเติมเชื้อเพลิงหรือฟืนเข้าไปในกองไฟ ทำให้ไฟลุกโหมมากขึ้น เช่นเดียวกับการกระทำที่ทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งหรือความรุนแรงทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยการพูดยุยง ยั่วยุ หรือกระตุ้นให้ฝ่ายต่างๆ โกรธหรือเกลียดชังกันมากขึ้น
ตัวอย่างการใช้สำนวน "ใส่ไฟ" ในประโยค
- เธออย่าไปใส่ไฟให้พี่น้องทะเลาะกันหนักขึ้นไปอีกเลย
- มีคนแอบใส่ไฟว่าเขาคือคนที่นินทาหัวหน้า ทำให้ความสัมพันธ์ในที่ทำงานแย่ลงกว่าเดิม
- สื่อบางแห่งชอบใส่ไฟให้ประชาชนเกิดความแตกแยก ด้วยการนำเสนอข่าวที่บิดเบือน
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี