เมื่อเกิดเสียหายขึ้นมาแล้วจึงหาทางป้องกันในภายหลัง
ซึ่งนับว่าไม่ทันการณ์ ควรจะล้อมคอกเสียก่อนที่วัวจะหาย
ประเภทสำนวน
"วัวหายแล้วจึงล้อมคอก" จัดว่าเป็น คำพังเพย เพราะว่า เป็นข้อความที่เปรียบเปรยพฤติกรรมของคนที่ปล่อยให้เกิดความเสียหายก่อนแล้วจึงแก้ไข ต้องตีความเพิ่มเติมจากความหมายตรงตัว มีลักษณะเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ได้สอนโดยตรง
ที่มาและแนวคิดเบื้องหลัง
คำพังเพยนี้เปรียบเทียบกับการที่เกษตรกรปล่อยให้วัวหายไปก่อน แล้วจึงคิดสร้างคอกมาล้อมหรือป้องกัน ซึ่งเป็นการกระทำที่สายเกินไป สะท้อนถึงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หรือการป้องกันหลังจากเกิดความเสียหายไปแล้ว ใช้สอนให้คนเตรียมการป้องกันปัญหาไว้ล่วงหน้า ดีกว่ารอให้เกิดผลเสียแล้วจึงแก้ไข
ตัวอย่างการใช้สำนวน "วัวหายแล้วจึงล้อมคอก" ในประโยค
- หลังจากถูกแฮกเกอร์เจาะระบบขโมยข้อมูลลูกค้าไปหมดแล้ว บริษัทเพิ่งจะอนุมัติงบประมาณจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ นี่เรียกว่าวัวหายแล้วจึงล้อมคอกชัดๆ
- รัฐบาลเพิ่งออกมาตรการเข้มงวดตรวจสอบโรงงานหลังจากเกิดเหตุระเบิดร้ายแรงทำให้มีผู้เสียชีวิต กรณีนี้ก็คือวัวหายแล้วจึงล้อมคอกนั่นเอง
สรุปและทบทวนเรื่อง สำนวน สุภาษิต และคำพังเพย
สุภาษิต และคำพังเพย จัดเป็น "สำนวน" ด้วยกันทั้งคู่ เพราะมีความหมายในเชิงเปรียบเทียบ และเป็นถ้อยคำที่ใช้สืบเนื่องกันมานาน
สุภาษิต เป็นถ้อยคำที่มักใช้คำสั้น ๆ กะทัดรัดแต่มีความหมายลึกซึ้ง มีสัมผัสคล้องจอง ส่วนใหญ่สุภาษิตที่ใช้ในสังคมไทยมักมีที่มาจากคำสอนทางพุทธศาสนา
คำพังเพย เป็นถ้อยคำที่ให้ข้อคิด โดยกล่าวถึงพฤติกรรมหรือธรรมชาติรอบตัว ส่วนมากมักเป็นถ้อยคำที่เป็นข้อสรุปการกระทำหรือพฤติกรรมทั่วไป อาจมีที่มาจากนิทาน ตำนาน วรรณคดี